15 ร้านพรชัย ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่ออิฏฐ์ - หลวงพ่อวัดไร่ขิง
15 ท้าวเวสสุวรรณโณ หลวงพ่ออิฏฐ์ ภทฺจาโร
ธนาคารกรุงไทย สาขาเพชรเกษม 77/2 หนองแขม บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 191 - 0 - 68235 -7
วิทยฐานะ
พ.ศ.2512 สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่4 จากโรงเรียนเทศบาล1 วัดนางวัง พ.ศ.2521 สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษา วัดจุฬามณี พ.ศ.2559 ได้รับปริญญาพุทธศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มจร.การศึกษาพิเศษ มีความชำนาญ อ่าน – เขียน อักขระขอม-บาลีและความสามารถทางนวกรรม
งานปกครอง
พ.ศ.2532 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดจุฬามณี พ.ศ.2533 ได้รับแต่งตั้งเป็น พระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.2537 ได้รับแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2542 ได้รับแต่งตั้งเป็น รองประธานสภาครูสอนปริยัติธรรมอำเภออัมพวา พ.ศ2561 ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลอัมพวา เขต1
สมณศักดิ์
พ.ศ.2535 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูฐานานุกรม ของ พระวิสุทธาธิบดี (ภทฺทจารี) วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานครที่ พระครูวินัยธรสมโภชน์ ภทฺทจาโร พ.ศ.2539 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูฐานานุกรม ของ พระธรรมกิตติวงศ์ (สุรเตโช) วัดราชโอรสาราม กรุงเทพมหานคร ที่ พระครูปลัดกิตติมงคลวัฒน์ พ.ศ.2540 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็น พระครูสัญญาบัตรเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นเอก ในราชทินนามที่ พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม
การศึกษาวิชาจากคณาจารย์
1. หลวงปู่สาย วัดหนองสองห้อง สมุทรสาคร ยันต์นกคุ้มกันไฟ
2. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร ยันต์ตรีนิสิงเห
3. หลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง สมุทรสงคราม เจิมเรือ
4. หลวงปู่ขวัญ วัดโพธิดก ราชบุรี ตะกรุดพระเจ้า 16 พระองค์
5. หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม สมุทรสงคราม
6. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคร
7. หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม ไหม 5 สี,ตะกรุดโลกธาตุ
8. หลวงพ่อพิน วัดอุบลวรรณาราม ราชบุรี เหรียญมหาปราบ,หนุมานเชิญธง
9. หลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ พระนครศรีอยุธยานารายณ์แปลงรูป
10. หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา พระนครศรีอยุธยานะ ฉัพพัณนะรังษี
11. หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ สมุทรสงครามตะกรุดจันทร์เพ็ญ
12. หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม เบี้ยแก้
13. หลวงพ่อสุธรรม วัดเขาพระ เพชรบุรี นั่งสมาธิสายวัดปากน้ำภาษีเจริญ
14. หลวงพ่อแผว วัดตะโหนดหลวง เพชรบุรี ลูกศร
15. หลวงพ่อจ่าง วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี ต่อกระดูก
16. หลวงพ่อไห วัดบางทะลุ เพชรบุรี แหวนพิรอด
17. โยมเหมือน อนันตรพีระ สมุทรสงคราม ใบมะนาวรักษาโรค
18. โยมหมอเย็น คำแหง สมุทรสงคราม วิชาหลวงปู่บ่ายวัดช่องลม
19. โยมวิทย์ จันหอม สมุทรสงคราม วิชาสายหลวงปู่อ่วมวัดไทรและหลวงปู่อยู่วัดน้อย
ปัจจุบัน
พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ในปี พ.ศ.2532 จนถึงปัจจุบัน
ท้าวเวสสุวรรณ วัดจุฬามณี เป็นที่แรกๆ เพราะตำนาน การสร้าง ท้าวเวสสุวรรณ วัดจุฬามณีนั้นแตกต่างจากที่อื่น เนื่องด้วยพระอาจารย์อิฏฐ์ เจ้าอาวาสปัจจุบันของวัดฯ ได้ฝันเห็น ท้าวเวสสุวรรณ ในนิมิตนั้นองค์ท่านได้พาพระอาจารย์อิฏฐ์ไปเที่ยวชมยมโลกจนทั่ว พระอาจารย์อิฏฐ์จึงตั้งอธิษฐานเป็นสัจจะวาจาไว้ว่า ถ้ากลับไปในโลกมนุษย์ครั้งนี้จะทำการตั้งรูปปั้น ท้าวเวสสุวรรณ ไว้กลางวัดเสมือนเป็นการขอบคุณและการให้ความเคารพแก่ท่าน ในนิมิตพระอาจารย์อิฏฐ์ก็ ได้บอกความประสงค์นี้แก่ท่าน ท้าวเวสสุวรรณ ไป ท่านจึงบอกกลับมาว่า หากจะปั้นฉันจะต้องไปตามช่างปั้นท่านหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ต้องให้ช่างผู้นี้เป็นผู้ปั้นเท่านั้น และนั่นจึงกลายเป็นตำนานที่มา ที่ทำให้ “ท้าวเวสสุวรรณ แห่ง วัดจุฬามณี ได้รับแรงศรัทธาจากผู้คนล้นหลาม กลิ่นธูปควันเทียนและเสียงสวด คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ จากคนทั่วทุกสารทิศจึงมาอบอวลอยู่ที่วัดจุฬามณีแห่งนี้ทั้งกลางวันและกลางคืนที่มา วัดจุฬามณี
หลวงพ่อวัดไร่ขิง |
หลวงพ่อวัดไร่ขิง |
หลวงพ่อวัดไร่ขิง |
**คนรุ่นเก่าได้เล่าสืบต่อกันมาว่า วัดไร่ขิงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2394 โดยพระธรรมราชานุวัตร (พุก) ชาวเมืองนครชัยศรี มณฑลนครชัยศรี (ต่อมา ท่านได้รับสถาปนาสมศักดิ์เป็น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก)ในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร ท่านได้กลับมาสร้างวัดไร่ขิงและวัดดอนหวาย ซึ่งเป็นบ้านโยมบิดาและมารดาของท่าน แต่ยังไม่แล้วเสร็จ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) มรณภาพเมื่อปี วอก พ.ศ.2427 รวมสิริอายุ 91ปี พระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่9 เดือนเมษายน ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม10 ค่ำ เดือน5 ปีระกา พ.ศ.2428 ในการนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร มาพระราชทานเพลิงศพ ณ. เมรุพิเศษวัดศาลาปูน ดังนั้น งานทุกอย่างจึงตกเป็นภาระของพระธรรมราชานุวัตร (อาจ จนฺทโชโต) เจ้าอาวาสวัดศาลาปูน รูปที่6 ซึ่งเป็นหลานชายของท่าน แต่ไม่ทราบว่าท่านกลับมาปฏิสังขรณ์ วัดเมื่อใดหรือท่านอาจจะมาในปี พ.ศ.2453 ตอนที่ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระธรรมราชานุวัตร ก็อาจเป็นไปได้ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุ 75 ปี และเป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนรูปที่6 ต่อจากสมเด็จพุฒาจารย์ (พุก) อย่างไรก็ตาม ในการปฏิสังขรณ์วัดไร่ขิงในสมัยท่านอยู่ประมาณปี พ.ศ.2427 หรือ พ.ศ.2453 เป็นต้นมา
**สำหรับชื่อวัดนั้น มีเรื่องเล่าว่า พื้นที่วัดในอดีตมีชาวจีนปลูกบ้านอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมากและนิยมปลูกขิง กันอย่างแพร่หลาย จนเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านหรือชุมชนในแถบนี้ว่า ไร่ขิง ต่อมา เมื่อมีชุมชนหนาแน่นมากยิ่งขึ้นจึงได้มีการสร้างวัดเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน ดังนั้น วัดจึงได้ชื่อตามชื่อของหมู่บ้านหรือชุมชนว่า วัดไร่ขิง
**ในราวปี พ.ศ.2446 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหารนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เสด็จตรวจเยี่ยมวัดในเขตอำเภอสามพราน สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จมาที่วัดไร่ขิง และทรงตั้งชื่อวัดใหม่ว่า วัดมงคลจินดาราม ทั้งทรงใส่วงเล็บชื่อเดิมต่อท้ายจึงกลายเป็น วัดมงคลจินดาราม (ไร่ขิง) เมื่อเวลาผ่านพ้นมานานและคงเป็นเพราะความกร่อนของภาษาจีนทำให้วงเล็บหายไป คงเหลือเพียงคำว่า ไร่ขิง ต่อท้ายคำว่า มงคลจินดาราม จึงต้องเขียนว่า วัดมงคลจินดาราม - ไร่ขิง แต่ในทางราชการยังคงใช้ชื่อเดิมเพียงว่า วัดไร่ขิง สืบมาจนทุกวันนี้
**องค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4ศอก 2นิ้วเศษ สูง 4ศอก 16นิ้วเศษ ประดิษฐานอยู่บนฐานอยู่บนฐานชุกชี 5ชั้น เบื้องหน้าผ้าทิพย์ปูทอดลงมาองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ภายในอุโบสถ หันพระพักตร์ไปทางทิศอุดร (ทิศเหนือ) ซึ่งหน้าวัดมีแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน จากหนังสือประวัติของวัดไร่ขิงได้กล่าวไว้ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) ได้อัญเชิญมาจากวัดศาลาปูน โดยนำล่องมาทางน้ำด้วยการทำแพไม้ไผ่หรือที่เรียกกันว่าแพลูกบวบรองรับองค์พระปฏิมากรณ์ เมื่อถึงหน้าวัดไร่ขิง จึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ภายในอุโบสถ ตรงกับวันขึ้น 15ค่ำ เดือน5 ซึ่งเป็นวันสงกรานต์พอดีจึงมีประชาชนจำนวนมากมาชุมนุมกัน ในขณะที่อัญเชิญองค์หลวงพ่อขึ้นจากแพ สู่ปะรำพิธีได้เกิดอัศจรรย์แสงแดดที่แผดจ้ากลับพลันหายไป ความร้อนระอุในวันสงกรานต์ก็บังเกิดมีเมฆดำมืดทะมึน ลมปั่นป่วน ฟ้าคะนอง และบันดาลให้มีฝนโปรยลงมาทำให้เกิดความเย็นฉ่ำและเกิดความปิติ ยินดีกันโดยทั่วหน้า ประชาชนที่มาต่างก็พากันตั้งจิตรอธิษฐานเป็นหนึ่งเดียวกัน ว่า หลวงพ่อวัดไร่ขิงจะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ดับความร้อนร้ายคลายความทุกข์ให้หมดไป ดุจสายฝนที่เมทนีดลให้ชุ่มฉ่ำ เจริญงอกงามด้วยธัญญาหารฉะนั้น ดังนั้น วันดังกล่าวที่ตรงกับวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย ทางวัดจึงได้ถือเป็นวันสำคัญ และได้จัดให้มีงานเทศกาลนมัสการปิดทองประจำปีหลวงพ่อวัดไร่ขิง สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ตำนานหลวงพ่อวัดไร่ขิงนั้นจากคำบอกเล่าสืบต่อกันมา หรือที่เรียกว่า มุขปาฐะ มีหลายตำนาน ดังนี้
**ตำนานที่1 ครั้งเมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(พุก) ชาวเมืองนครชัยศรี ได้มาตรวจเยี่ยมวัดในเขตอำเภอสามพราน ได้เข้าไปในพระอุโบสถวัดไร่ขิง หลังจากกราบพระประธานแล้ว มีความเห็นว่าพระประธาน มีขนาดเล็กเกินไป จึงบอกให้ท่านเจ้าอาวาสพร้อมชาวบ้านไปอัญเชิญมาจากวัดศาลาปูนวรวิหาร ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยวางลงบนแบบไม้ไผ่และนำล่องมาตามลำน้ำและอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถ ตรงกับวันพระขึ้น 15ค่ำ เดือน 5วันสงกรานต์พอดี
**ตำนานที่2 วัดไร่ขิงสร้างเมื่อปีกุน พุทธศักราช2394 ตรงกับปีสุดท้ายในรัชกาลที่3 ต้นปีในรัชการที่4 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) ซึ่งเป็นชาวเมืองนครชัยศรี ในขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์พระราชาคณะที่ พระธรรมราชานุวัตร ปกครองอยู่ที่วัดศาลาปูนวรวิหาร ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้กลับมาสร้าง วัดที่บ้านเกิดของตนที่ อำเภอไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เมื่อสร้างพระอุโบสถเสร็จแล้วจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูป สำคัญองค์หนึ่งจากกรุงเก่า (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) มาเพื่อประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถแต่การสร้างยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ ท่านได้มรณภาพเสียก่อน ส่วนงานที่เหลืออยู่พระธรรมราชานุวัตร (อาจ จนฺทโชโต) หลานชายของท่านจึงดำเนินงานต่อจนเรียบร้อย และบูรณะดูแลมาโดยตลอดจนถึงแก่มรณภาพ
**ตำนานที่3 ตามตำนานเป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับมีพระพุทธรูปลอยน้ำมา 5องค์ ก็มี 3องค์ก็มีโดยเฉพาะในเรื่องที่เล่าว่ามี 5องค์นั้น ตรงกับคำว่า ปัญจภาคี ปาฏิหาริยกสินธุ์โน ซึ่งได้มีการเล่าเป็นนิทานว่า ในกาลครั้งหนึ่ง มีพี่น้องชาวเมืองเหนือ 5คน ได้บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ชั้นโสดาบัน มีฤทธิ์อำนาจทางจิตมากได้พร้อมใจกันตั้งสัตย์อธิษฐานว่า เกิดมาชาตินี้จะขอบำเพ็ญบารมีช่วยให้สัตว์โลกได้พ้นทุกข์ แม้จะตายไปแล้ว ก็จะขอสร้างบารมีช่วยสัตว์โลกให้ได้พ้นทุกข์ต่อไปจนกว่าจะถึงพระนิพานครั้งพระอริยบุคคลทั้ง 5องค์ ได้ดับขันธ์ไปแล้ว ก็เข้าไปสถิตในพระพุทธรูปทั้ง 5องค์ จะมีความปรารถนาที่จะช่วยคนทางเมืองใต้ที่อยู่ติดแม่น้ำให้ได้พ้นทุกข์ จึงได้พากันลอยน้ำลงมาตามลำน้ำทั้ง 5สาย เมื่อชาวบ้านตามเมืองที่อยู่ริมแม่น้ำเห็นเข้า จึงได้อัญเชิญและประดิษฐานไว้ตามวัดต่างๆ มีดังนี้
**พระพุทธรูปองค์ที่1 ลอยไปตามแม่น้ำบางปะกง ขึ้นสถิตที่วัดโสธรวรวิหาร (เมืองแปดริ้ว) ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เรียกกันว่า หลวงพ่อโสธร
**พระพุทธรูปองค์ที่2 ลอยไปตามแม่น้ำนครชัยศรี (ท่าจีน) ขึ้นสถิตที่ วัดไร่ขิง (เมืองนครชัยศรี) ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เรียกกันว่า หลวงพ่อวัดไร่ขิง
ธนาคารกรุงไทย สาขาเพชรเกษม 77/2 หนองแขม บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 191 - 0 - 68235 - 7
คลิกที่ ที่อยู่ดูสถานที่ตั้งร้านพรชัยพระแท้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น